Nothing ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกครั้งด้วยการเปิดตัว CMF Phone 2 Pro สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ย่อย CMF ที่มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ ด้วยแนวคิดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ผสานกับเทคโนโลยีกล้องขั้นสูง CMF Phone 2 Pro จึงเปรียบเสมือนการปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนครั้งใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งนักสร้างสรรค์ และผู้ใช้งานทั่วไป
เทคโนโลยีกล้องระดับเรือธงที่ใครก็เข้าถึงได้
CMF Phone 2 Pro ได้รับการอัปเกรดระบบกล้องแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับ CMF Phone 1 รุ่นแรก โดยมาพร้อมกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/1.57 นิ้ว ช่วยให้ความสามารถในการเก็บแสงเพิ่มขึ้นถึง 64% ส่งผลให้ภาพถ่ายมีรายละเอียดสูง คมชัด และมีไดนามิกเรนจ์กว้าง แม้ในสภาพแสงน้อย
จุดเด่นสำคัญของกล้องคือการเพิ่มเลนส์ซูม (Telephoto) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซนเซอร์ขนาด 1/2.88 นิ้ว พร้อมรูรับแสง f/1.85 ซึ่งรองรับการซูมแบบไม่เสียความละเอียด (Lossless Zoom) ได้ถึง 2 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 20 เท่า ทำให้การถ่ายภาพพอร์เทรตและภาพระยะไกลมีคุณภาพที่โดดเด่น ไม่แพ้สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีราคาสูงกว่า
นอกจากนี้ยังมีกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ด้วยมุมกว้าง 119.5 องศา ใช้เซนเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว และรูรับแสง f/2.2 เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภาพกลุ่ม หรือสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ ส่วนกล้องเซลฟี่ยังคงมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ขนาด 1/3 นิ้ว พร้อมรูรับแสง f/2.45 ให้ภาพเซลฟี่ที่คมชัดและเป็นธรรมชาติ
ความสามารถในการบันทึกวิดีโอก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบลดการสั่นไหวอัจฉริยะด้วย AI ที่ช่วยให้วิดีโอมีความเสถียรแม้ถ่ายด้วยมือเปล่า
ปฏิวัติวงการด้วยแนวคิดโมดูลาร์ที่ไม่เหมือนใคร
นอกเหนือจากระบบกล้องที่ทรงพลัง CMF Phone 2 Pro ยังสานต่อแนวคิดการออกแบบแบบโมดูลาร์จาก CMF Phone 1 แต่พัฒนาไปอีกขั้นด้วยการขยายแนวคิดนี้มาสู่ระบบกล้องอย่างลงตัว ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์เสริมได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ Macro สำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้ หรือเลนส์ Fisheye ที่ให้มุมมองแบบพิเศษ
นวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งสมาร์ทโฟนให้ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หรืออุปกรณ์ถ่ายภาพแยกชิ้น อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมที่สามารถติดกับฝาหลังได้อย่างลงตัว เช่น กระเป๋าเงินขนาดกะทัดรัด หรือแท่นวางสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้สะดวก เสริมความคุ้มค่าและความยืดหยุ่นในการใช้งาน
จอภาพคุณภาพสูงและประสิทธิภาพที่เหนือชั้น
CMF Phone 2 Pro มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6.77 นิ้ว (เพิ่มขึ้นจาก 6.67 นิ้วในรุ่นก่อน) ด้วยความละเอียดระดับ Full HD+ ในอัตราส่วน 19.9:9 ที่ให้พื้นที่การใช้งานกว้างขวางและชัดเจน หน้าจอรองรับอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 120 Hz เพื่อการเลื่อนหน้าจอที่ลื่นไหลและการเล่นเกมที่ราบรื่น
คุณภาพของจอยังโดดเด่นด้วยการแสดงค่าสีระดับ 10 บิต ที่ให้สีสันสมจริงและมีมิติ พร้อมรองรับมาตรฐาน HDR10+ ที่ช่วยให้การรับชมวิดีโอและภาพยนตร์มีความสมจริงน่าประทับใจ ความสว่างสูงสุดถึง 3,000 นิต ช่วยให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนแม้ในที่แสงจ้า และป้องกันรอยขีดข่วนด้วยกระจก Panda Glass คุณภาพสูง
การอัปเกรดมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นจาก IP52 เป็น IP54 ช่วยเพิ่มความทนทานให้กับตัวเครื่อง โดยสามารถป้องกันน้ำที่ฉีดใส่จากทุกทิศทางได้ แม้จะมีขนาดบางลงเหลือเพียง 7.8 มิลลิเมตร (จากเดิม 8.2 มิลลิเมตร) และน้ำหนักเบาลงเหลือ 185 กรัม (จากเดิม 197 กรัม) แต่ยังคงมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh ที่รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่นั้นน่าประทับใจ โดยสามารถรองรับการชม YouTube ต่อเนื่องได้นานถึง 22 ชั่วโมง หรือเล่นเกม Battlegrounds Mobile ได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ ทางบริษัทยังรับประกันว่าแบตเตอรี่จะยังคงศักยภาพได้ถึง 90% แม้ผ่านการชาร์จไปแล้ว 1,200 รอบ พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ ที่ช่วยให้เติมพลังงานได้อย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัย
ภายในตัวเครื่องได้รับการติดตั้งชิปเซต MediaTek Dimensity 7300 ที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยความเร็วสูงสุด 2.5 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ที่เร็วขึ้น 10% และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่เร็วขึ้น 5% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน การเล่นเกม และการประมวลผลภาพเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
CMF Phone 2 Pro ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Nothing OS 3.2 ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Android 15 ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ปราศจากแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น และมีอินเตอร์เฟซที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้ Nothing ยังให้การสนับสนุนการอัปเกรดซอฟต์แวร์เป็นระยะเวลา 3 ปี และอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยยาวนานถึง 6 ปี ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนจะยังคงทันสมัยและปลอดภัยในระยะยาว
อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่เพิ่มเข้ามาคือการรองรับ NFC สำหรับการชำระเงินแบบไร้สาย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ขาดหายไปใน CMF Phone 1 รุ่นแรก ทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าสินค้า ค่าโดยสาร หรือบริการต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันการเงิน
ตัวเลือกสีสันที่โดดเด่นและราคาที่น่าสนใจ
CMF Phone 2 Pro มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวที่มีพื้นผิวฝาหลังคล้ายหินทราย ให้สัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และทนรอยนิ้วมือ, สีดำคลาสสิคที่ดูหรูหราและเรียบง่าย, สีเขียวอ่อนที่มีพื้นผิวคล้ายกระจกฝ้า ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและเป็นมิตรกับธรรมชาติ และสีส้มที่เงางามโดดเด่น สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่กล้าแตกต่าง
CMF Phone 2 Pro จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 ในราคาเริ่มต้นที่ 250 ยูโร (ประมาณ 9,500 บาท) สำหรับรุ่น RAM 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 128GB และ 280 ยูโร (ประมาณ 10,700 บาท) สำหรับรุ่น RAM 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB
ส่วนอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จะจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ nothing.tech เท่านั้น โดยชุดเลนส์ Macro และ Fisheye มีราคา 35 ยูโร (ประมาณ 1,300 บาท) ฝาหลังอเนกประสงค์ราคา 25 ยูโร (ประมาณ 950 บาท) และกระเป๋าเงิน/แท่นวางสมาร์ทโฟนราคา 35 ยูโร (ประมาณ 1,300 บาท)
สรุป: นวัตกรรมที่ทุกคนเข้าถึงได้
CMF Phone 2 Pro ถือเป็นก้าวสำคัญของ Nothing ในการนำเสนอนวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่ล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้ ด้วยการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพระดับสูง ระบบกล้องที่ทรงพลัง และแนวคิดการออกแบบแบบโมดูลาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักสร้างสรรค์คอนเทนต์
ในขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางมีการแข่งขันสูง CMF Phone 2 Pro กลับสามารถสร้างจุดยืนที่แตกต่างด้วยนวัตกรรมการออกแบบและฟีเจอร์ที่โดดเด่น ตอกย้ำปรัชญาของ Nothing ที่มุ่งมั่นจะสร้างเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน พร้อมท้าทายแนวคิดดั้งเดิมของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่มักเน้นการเปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกปี มาสู่แนวคิดที่ยั่งยืนกว่าด้วยการออกแบบโมดูลาร์ที่รองรับการอัปเกรดและปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ในระยะยาว