ใจเค้า ใจเรา
ตัวเราเองครึ่งนึง คนอื่นครึ่งนึงเนอะ ชีวิตจะอยู่ง่ายขึ้น
– วิว วรรณรท สนธิไชย
การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นเรื่องสำคัญในการคบกันของมนุษย์ เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร ไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่ และรู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น เราต้องยอมรับว่าทุกคนถูกเลี้ยงมาต่างวิธีกัน จะให้คิดเห็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ และถ้าเกิดทะเลาะกัน ต่างคนต่างด่า สุดท้ายก็จะเป็นแผลในใจ
ไม่ว่าเราจะพูดอะไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำ คือ คิดทุกสิ่งก่อนที่จะพูด ไม่ใช่พูดทุกอย่างที่คิด อย่าให้ปากไวกว่าความคิด เพราะบางครั้งคนฟังไม่สนุกด้วย ในทางกลับกัน หากเราได้ยินในสิ่งที่ไม่ดี เราก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน และก็จะกลายเป็นการทำลายความสัมพันธ์ด้วยการกระทำของเรา
ต้องหยุดทักกันเรื่อง ทำไมอ้วนขึ้น ทำไมผอมลง ทำไมมีสิว
ทำไมยังไม่แต่งงาน ทำไมยังไม่มีลูก ทำไมลูกยังไม่เลิกเพิร์ส
เข้าใจว่าบางทีไม่มีเจตนา แต่ถ้าไม่รู้จะทักอะไรที่ดีกว่านี้ แค่ยิ้มก็น่าจะดีกว่าค่ะ
เรื่องส่วนตัวเค้า เราไม่ต้องยุ่งบ้างก็ได้
– โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล
สังเกตได้ว่าการ Bully มีอยู่ทุกที่ ทั้งในชีวิตจริง และในสังคม Social การไม่เห็นหน้ากัน ก็ยิ่งสามารถพิมพ์อะไรที่ตนเองคิดได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบกับผู้ที่ได้รับฟังอย่างร้ายแรง บางคนถึงกับกับคิดสั้นก็มี
คนไทยมีนิสัยชอบทักทายแบบการ Bully เนื่องด้วยจังหวะชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรในช่วงอายุที่เหมือนกัน บางอย่างเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะถาม ต้องตระหนักเองว่านี่คือมารยาทการเข้าสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับชาวต่างชาติ ที่ไม่เคยสนใจในรูปร่าง หน้าตา ฐานะ หากแต่ถามถึงสารทุกข์สุกดิบมากกว่า
เวลาชวนใครไปปฏิบัติธรรม
หลายคนมักจะบอกว่า รอให้กิเลสหมดก่อนค่อยไป
แต่กิ๊กอยากบอกว่า อย่ารอเลยค่ะกิเลสไม่มีวันหมดหรอก
เพราะถ้าหมดกิเลส เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
– กิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์
บางคนเจอปัญหาหนักในการใช้ชีวิต ก็เข้าวัดไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร บางคนที่มีเวลามากหน่อยก็อยู่ปฏิบัติธรรมเพื่อสงบจิตสงบใจ หากมีเวลาก็หาโอกาสแวะเข้าวัดบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อความเป็นศิริมงคล
การที่เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเราตระหนักรู้ในการใช้ชีวิต เราก็จะมีสติทุกย่างก้าว เมื่อใดที่เกิดกิเลส เราไม่จำเป็นถึงขนาดต้องดับ เพราะไม่มีใครที่สามารถดับมันได้หมด หากแต่เพียง “ละ” ให้ได้ก็พอ เมื่อเรายับยั้งชั่งใจได้ก็จะเป็นการดีต่อตัวเราเอง
ต่อให้สนิทกันแค่ไหน ก็ต้องให้เกียรติกัน
– แกรนด์ (เดอะสตาร์) กรณ์ภัสสร ด้วยเศียรเกล้า
ยิ่งรู้ใจกันมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องระวังการกระทำ เราต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ เพราะเราก็ไม่ได้ถูกเสมอไป และจะเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งนั้นไม่ได้ ความสนิทมาคู่กับความเกรงใจ อย่าคิดไปเองว่าการที่สนิทกัน จะถือวิสาสะได้ เช่น ถ้าเราอยากยืมปากกาของเพื่อน แต่ไปหยิบมาเลยโดยไม่ได้บอกกล่าว นั่นเรียกว่าไม่มีมารยาทไม่ใช่ความสนิท
ความสนิทนั้นมีหลายระดับ ทั้งสนิทมาก สนิทน้อย แต่ทั้งนี้จะแค่อ้างถึงคำว่าสนิท แล้วจะพูดยังไงก็ได้ ก็ไม่ถูกนัก เพราะคนเราล้วนมีความรู้สึก แม้จะสนิทกันมากแค่ไหน หากได้ยินคำพูดที่ไม่ดี หรือได้ยินคำถามที่ไม่มีมารยาท ก็อาจจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกขัดใจ จนกลายเป็นว่าจะเป็นการบั่นทอนจิตใจกันไป และยิ่งหากมีผู้อื่นร่วมวงอยู่ด้วย ยิ่งไม่ควรพูดอะไรที่เป็นการหักหน้ากันให้เกิดความอับอาย ที่สำคัญควรรู้จักมารยาท และกาลเทศะในการพูดคุยด้วย
อย่าทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
ด้วยการ “เล่าต่อ” ในสิ่งที่เรายังไม่รู้จริง
– มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์
การรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากบุคคลอื่น ๆ ที่ถายทอดมา เราต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะมีการนำไปบอกต่อ เพราะถ้าหากสิ่งที่เรารับฟังมาไม่เป็นเรื่องจริง และเรานำไปเล่าให้คนอื่นฟังแล้ว ก็จะทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงได้รับความเสียหาย เรื่องราวก็จะถูกกระจายออกไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด และเราไม่รู้เลยว่าเรื่องถูกเล่าไปถึงใครบ้าง การแก้ข่าวทีหลังว่าไม่เป็นความจริงก็จะยาก
การนำเรื่องของผู้อื่นมาพูดให้เสียหาย นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะถ้าเราไปบอกต่อกับคนที่ไม่ชอบ ยิ่งจะทำให้เกิดการเกลียดชังกันมากขึ้น ดังนั้น การเล่าเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องจริง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะถ้าหากเจ้าของเรื่องรู้ขึ้นมา แน่นอน ว่าไม่มีใครยอมที่จะถูกนินทาอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าหากเจอเหตุการณ์ที่หนักกว่านั้น อาจถึงขั้นถูกทำร้ายร่างกายได้ ทางที่ดี เราไม่ควรพาดพิงถึงเรื่องของคนอื่น ควรที่จะอยู่ในขอบเขตของตัวเอง เพื่อเลี่ยงการปะทะจะดีกว่า