ถ้าเราตั้งเป้าจะไปไหน เราต้องเดินไปให้ถึง
จะล้มตายกลางทางหรือไปไม่ถึงจุดหมายก็ไม่เป็นไร
เพราะชีวิตนี้เราได้เดินแล้ว– ชาติ กอบจิตติ
ทางเดิน และเป้าหมายแห่งชีวิตของคนเราไม่เท่ากัน และมีจุดหมายปลายทางแตกต่างกันออกไป สำคัญที่ว่า เราจะตั้งวางเป้าหมายในชีวิตของเราไว้ตรงไหน หากได้วางรากฐานนั้นไว้แล้ว เราก็ต้องเดินไปให้ถึง บอกตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้านั้นจะเต็มล้นไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมายเพียงใด ไม่ว่าจะเราจะก้าวไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นได้หรือไม่ ก็ช่างมันเถอะไปบ้างก็ได้ จากส่วนหนึ่งของคำคมนักคิดนักเขียนอย่าง ชาติ กอบจิตติ ที่ได้กล่าวไว้ว่า ไม่ว่าเราจะล้มตายกลางทางหรือไปไม่ถึงจุดหมายก็ไม่เป็นไร เพราะชีวิตนี้เราก็ได้เดินได้ ขอเพียงให้เรามองทุกก้าวที่เดินของเราด้วยความหวัง ด้วยพลังใจที่จะไม่เดินถอยหลังกลับไปในทางเก่า เพราะการเดินไปข้างหน้าเพียงทางเดียวนั้น คือการเดินไปสู่อนาคต สู่จุดหมายปลายทางที่เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อใดก็ตามที่คุณยังปรารถนาจะเห็นแสงสว่างอยู่ ตราบนั้นคุณจงก้าวเดินไปข้างหน้าให้ได้เสมอ !
ทางไปสู่ความลำบากนั้นไปสบาย
ทางไปสู่ความสบายนั้นไปลำบาก– ศุ บุญเลี้ยง
และเมื่อเราผ่านการก้าวเดิน ผ่านการเดินทางในหลาย ๆ เส้นทาง ตั้งแต่เล็กจนเติบโต เชื่อว่าเราต่างได้พบสัจธรรมข้อหนึ่งที่ว่า “ทางไปสู่ความลำบากนั้นไปสบาย แต่ทางไปสู่ความสบายนั้นไปลำบาก” ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะทางไปสู่ความสบายมักกันดารวิถีเสมอ มีหลายอย่างหลายประการที่รออยู่ข้างหน้า เป็นอุปสรรคขวากหนามที่ท้าทายให้เราฟันฝ่าไปให้ได้ ถ้าเราอยากอยู่อย่างสบาย เราก็ต้องฝ่าฟัน เริ่มต้นจากความลำบากเสียก่อน เพราะไม่มีใครที่สบายมาตั้งแต่เกิดแน่ๆ ตรงกันข้ามคือชีวิตคนเราต้องพร้อมฝึกฝนทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ โดยวางเป้าหมายชีวิตเอาไว้ จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทาง และตลอดเส้นทางที่ผ่าน จงจำไว้เสมอว่า ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่แสนสบาย คุณไม่ควรมองข้ามความลำบากที่ได้พบเจอในทุก ๆ เส้นทาง เพราะหลายคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อหาทางเดินที่สบายจนลืมไปเสียว่า เส้นทางนั้นมักนำเราไปสู่ความลำบากเสมอ แต่ในทางตรงกันข้าม หากเราอดทนต่อความยากลำบากไม่ว่าจะน้อยหรือมากมายเพียงใด ทางที่ไปอย่างยากลำบากนั้นก็จะนำคุณไปสู่ความสบาย ณ จุดหมายปลายทางในที่สุด !
อย่ามีชีวิต
ชนิดที่เวลาผ่านไปแล้ว
มานึกเสียดายทีหลัง– วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
นอกเหนือจากวิถีชีวิตแห่งการก้าวเดิน ยังมีเงื่อนไขของกรอบเวลาที่จะนำเราไปสู่มุมมองอนาคตข้างหน้าอีกด้วย กรอบเวลาที่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่หลายคนมักมองข้ามไปเสมอ ดั่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า “อย่ามีชีวิต ชนิดที่เวลาผ่านไปแล้วมานึกเสียดายทีหลัง” ที่เป็นเช่นนั้น เพราะคนเรามักหลงลืมเวลา คิดอยู่แต่ว่าเรามีเวลามากพอเสมอ หลายคนจึงมักใช้ชีวิตอย่างประมาท ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย คำว่า “พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้” ยังไม่สำคัญเท่ากับคำว่า “พรุ่งนี้ก็สายไปแล้ว” เพราะหากเรามัวแต่เลื่อนผ่านทุกเป้าหมายที่วางไว้ โดยไม่ลงมือทำสักที ก็อาจทำให้เราพลาดโอกาสดีๆ ที่เราจะได้รับไป และหากเป็นเช่นนั้น เราก็จะพบกับความผิดหวัง เสียใจ และเสียดายทีหลัง ว่าทำไมนะ คุณถึงไม่เลือกที่จะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ ก่อนที่เวลาจะพรากเอาทุกความหวังไปจากคุณได้ เวลาพร้อมปล้นได้ทุกสิ่งไปจากเรา เพราะเวลาไม่เคยคอยใคร โดยเฉพาะคอยคนที่คิดว่ายังมีเวลามากมายสำหรับตัวเอง หากเราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เราก็จะประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น จึงเร่งทำความฝันให้เป็นจริง อย่าปล่อยให้เวลาช่วงชิงความฝันไปจากคุณเลย !
การหาความมั่นคงในชีวิต
ก็เหมือนคาดหวังว่า
ดวงอาทิตย์จะอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา– วินทร์ เลียววาริณ
เพราะชีวิตคนเราไม่มีความมั่นคงแน่นอนใดๆ สุขและทุกข์ มีเวลาที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ บางครั้งเราอาจหัวเราะทั้งน้ำตา หรือบางเวลาอาจยิ้มได้ทั้งที่เพิ่งผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์ใจมาแท้ๆ ด้วยซ้ำ สำคัญที่สิ่งเหล่านั้นย้ำเตือนและบอกอะไรกับเราต่างหาก แน่นอนว่า การหาความมั่นคงในชีวิต แม้ยิ่งใหญ่แต่ก็ยากยิ่งนัก ยากไม่ต่างไปจากที่เราคาดหวังว่าดวงอาทิตย์จะอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลานั่นแหละ เพราะดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ สองสิ่งนี้ย่อมต้องหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าที่กันอยู่เสมอโดยไม่อาจมีใครมาห้ามได้ และนั่นเองที่เราควรทบทวนความสุขความทรงจำในชีวิตของเรา คิดย้อนกลับไปว่าอะไรคือความมั่นคงในชีวิต ถ้าหวังว่าทุกอย่างจะไม่สั่นคลอน ทุกอย่างจะจีรังยั่งยืน นั่นก็คงยากเกินไป เพราะโจทย์ของชีวิต ก็คือการต่อสู้อย่างไม่รู้จบ โดยที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าเราจะพบความสุข หรือพบความเศร้า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง เราจะหาความมั่นคงแน่นอนในชีวิตก็ยาก แต่การทำความดีต่างหากที่ไม่ยากเกินกว่าเราจะทำได้ และทำได้ในทุก ๆ วัน ทุก ๆ ก้าวในเส้นทางอันยาวไกล จงมองไปข้างหน้าเสมอ เพื่อค้นหาความสำเร็จอันเป็นความหวัง บอกตัวเองเสมอว่า คุณไขว่คว้าหาความดีและความสำเร็จ มิใช่เพียงความมั่นคง ที่หาได้ยากไม่ต่างไปจากคาดหวังให้พระอาทิตย์หยัดยืนอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลานั่นล่ะ !