บุปผาที่เบ่งบานได้ในยามยาก
คือสิ่งล้ำค่าและงดงามกว่าความงามใด ๆ– สมเด็จพระจักรพรรดิ : Mulan (1998)
ไม่น่าเชื่อว่า การตัดสินใจปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อเข้าร่วมรบกับกองทัพจีน เพื่อช่วยพ่อผู้ชราของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง จะทำให้กลายเป็นเรื่องราวความประทับใจ ทั้งในแง่ของความกตัญญู และการเป็นผู้นำได้มากมาย ถึงขนาดที่สมเด็จพระจรรพรรดิ และคนทั้งแผ่นดินจีนต้องก้มหัวให้ หากเธอไม่ตัดสินใจทำเช่นนี้ เรื่องราวเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปในอีกรูปแบบหนึ่ง
ขึ้นชื่อว่า “ผู้นำ” ไม่มีใครบอกได้ว่าแบบดีกว่ากันนั้น เพราะแต่ละคนก็มี Style การทำงาน และการปกครองที่ต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นเรื่องของ “ภาวะผู้นำ” ที่จะทำให้เห็นว่า เรามีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหนที่ผู้อยู่ใต้ปกครองจะให้ความเคารพ ซึ่งคนที่จะเป็นผู้นำได้ต้องมีความชัดเจน แน่วแน่ เพื่อให้ผู้ตามเชื่อมั่น และสามารถทำตามคำสั่งได้อย่างมั่นใจ การสื่อสาร หรือการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากสื่อสารแบบไม่มีแผนงานก็ไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ เพราะผู้ตามจะไม่รู้เลยว่าผู้นำจะกำหนดเวลาสิ้นสุดอย่างไร ส่วนเรื่องการรับฟังความคิดเห็น ถ้าไม่มีการรับฟังกัน โดยผู้นำเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ผู้ตามอาจคิดว่าถูกละเลย อาจพาลไม่อยากทำงานก็ได้
บางครั้ง
เราอาจมองเห็นแค่ความแตกต่างที่คนอื่นมี
แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปถึงข้างใน จ
ะรู้ได้ว่าทุกคนล้วนเหมือนกัน– จัสมิน : Aladdin (1992)
บนโลกใบนี้มีคนมากมาย ทุกคนล้วนแตกต่างกันทั้ง ชาติ ศาสนา และชีวิตความเป็นอยู่ บางคนมีอาชีพเป็นพ่อค้า แม่ค้า บางคนมีธุรกิจส่วนตัว เรามองเห็นแค่ภายนอก แต่เราไม่อาจหยั่งลึกเข้าไปถึงจิตใจของใครได้ ความแตกต่างของคน บางครั้งไม่ใช่ฐานะ แต่อาจเป็นความรู้สึก เช่น ความสุข ความทุกข์ บางคนฐานะดี แต่อาจทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัว บางคนหาเช้ากินค่ำ แต่ครอบครัวอบอุ่น ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องเหมือนกับใคร เพราะเราก็จะมีความสุขในแบบฉบับของเราเอง
แต่ไม่ว่าจะแตกต่างยังไง ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความเป็น “คน” เพียงแต่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกชีวิต ทั้งรวย ทั้งจน ล้วนต้องจากโลกใบนี้ไปทั้งนั้น แม้จะอาลัย อาวรณ์มากแค่ไหนก็ตาม ไม่มีใครที่จะอยู่ค้ำฟ้า หรือเหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้ได้เลย ดังนั้น จึงต้องรักษาสติ เข้าใจ เรียนรู้ และยอมรับกับความตายที่อาจเกิดขึ้นด้วยความไม่ประมาทในทุกขณะของชีวิต
ใครบอกว่า
ความฝันควรเป็นแค่ฝัน ?– แอเรียล : The Little Mermaid (1989)
หากฝัน แล้วไม่ลงมือทำ ก็จะกลายเป็นเพียงความฝันที่ไม่อาจเกิดขึ้น แต่ถ้าหากฝัน แล้วตื่นขึ้นมาเพื่อลงมือทำ ทุกสิ่งก็จะก่อเกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นได้ไม่ยาก ไม่ต้องสนใจหากจะมีใครมาดูถูก หรือยับยั้งความคิดของเรา ยิ่งถ้าหากคน ๆ นั้น ไม่ได้มีการช่วยเหลือ หรือสนับสนุนใด ๆ เราเพียงแต่ปล่อยคำพูดที่ไม่ดีผ่านไป และลงมือทำแบบจริงจัง ดังเช่น แอเรียลที่มีความฝันอยากมีขา และได้แต่งงานกับเจ้าชาย เธอยอมแลกเสียงของเธอกับขา 1 คู่ แต่กระนั้นก็ยังมีอุปสรรคอีก จนตอนสุดท้ายเรื่องก็จบอย่างสวยงาม
สังเกตว่าคนส่วนใหญ่ที่มีฝัน แต่ไม่ลงมือทำ มักมีข้ออ้างสารพัด ที่จะไม่ทำ เช่น เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำ, รออีกสักพัก, แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว ฯลฯ ซึ่งคำพูดเหล่านี้นี่แหละ ที่จะเป็นอุปสรรคของความสำเร็จ เพราะถ้ามีคำว่า “ขี้เกียจ” เข้ามาเกี่ยวข้องความฝันนั้นก็แทบไม่เหลือแล้ว ถ้าเราไม่สามารถทำได้ในทันที ก็ให้ค่อย ๆ ทำ แต่ต้องขยันทำเรื่อย ๆ จนกว่าจะเสร็จ ไม่อย่างนั้น สิ่งที่เราฝันก็จะไม่มีวันเป็นจริง ขอเพียงแค่เราตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จกับสิ่งนั้น
อย่าเชื่อ
ใครก็ตาม ที่พูดว่าเธอไม่มีวันทำสำเร็จ
แสดงให้พวกเขาเห็นว่าเธอทำได้– ราพันเซล : Tangled (2010)
ราพันเซล เป็นตัวละครหนึ่งที่แสดงความกล้าในการตามความฝัน โดยหนีออกมาจากหอคอยที่ถูกขังไว้ถึง 15 ปีพร้อมกับจอมโจรนามว่า “ฟลินน์” เพียงเพื่ออยากดูโคมไฟ แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าโคมไฟนั้นถูกจุดฉลองขึ้นเพื่อเธอ เนื่องจากเธอเป็นเจ้าหญิงที่ถูกลักพาตัวมา ! และสุดท้ายเธอก็ทำสำเร็จ เธอได้กลับไปอยู่กับพระราชา และพระราชินี ซึ่งเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
การที่คนเราจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ย่อมขึ้นกับตัวเราไม่ใช่ผู้อื่น ดังนั้น เมื่อพบเจอใครที่กำลังต่อว่า หรือดูถูกให้เลี่ยงออกมา อย่าไปคิดมากกับคำวิจารณ์นั้น เพราะนอกจากจะรู้สึกไม่ดีแล้ว เราอาจจะคิดมากถึงขั้นที่ไม่อยากทำอีกต่อไปเลยก็ได้ แต่ถ้าเราคิดแบบวิเคราะห์ เราอาจจะเห็นข้อดีในคำพูดนั้นก็ได้ ดังนั้น เราควรเอาคำพูดดูถูกมาเป็นพลังในการทำการใด ๆ ต่อให้เสร็จสิ้น เพื่อแสดงให้เห็นกันไปเลยว่าเราสามารถทำได้ แล้วคำพูดนั้นก็จะกลายเป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น