บางครั้งเราคิดว่าเราโง่
แต่จริงแล้วเราแค่ไม่ได้ทำ– อาจารย์อุ๊ – อุไรวรรณ ศิวิกุล (คุณครูสอนเคมีชื่อดัง)
ในเวลายามว่างเราอาจจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งเฉย ๆ โดยไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจของเราเลย แม้กระทั้งสติก็ไม่มี นั่งเหม่อลอยเพ้อฝัน แล้วคิดถึงสิ่งที่อยากจะลงมือทำอะไรสักอย่างในชีวิต บางทีอาจคิดถึงขั้นที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย เช่น จะลาออกจากงานประจำที่อยู่ไกลบ้านกลับมาอยู่กับครอบครัวใช้ชีวิตปลูกผักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาอยู่ในหัวของเรากลายเป็นคำถามเกิดขึ้นมากมายหลายคำถามพร้อมกับประโยคที่ปิดกั้นตัวเอง “ฉันทำไม่ได้หรอก” วนเวียนอยู่ในหัว จากนั้นสติเราก็กลับคืนมา แล้วก็ทิ้งความคิดนั้นไว้ให้กลายเป็นเพียงสิ่งที่คิดว่าเพ้อฝันไกลตัวโดยที่เรายังไม่ได้ลงมือทำมันเลย… ในทุกครั้งที่ตัวเราอยู่ในจุดระดับที่สิบแล้ว จากนั้นกลับต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่มันยากที่จะทำใจยอมรับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งหากอายุของเราอยู่ในวัยอิ่มตัวแล้วนั้นยิ่งยาก ลองถามตัวเองดูว่าหากเราทำมันไม่ได้สิ่งเหล่านี้เราปล่อยให้มันมาวนเวียนอยู๋ในความคิดอยู่ในหัวของเราทำไม ไม่ใช่ว่าเราคาดหวังหรือลึก ๆ แล้วนั้นเราสามารถทำมันได้ เพียงแค่เราต้องเปิดใจ ต้องกล้าตัดสินใจ แล้วกล้าที่จะลงมือทำมันตอนนี้ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ เมื่อเรายังไม่ได้ประสบพบเจอกับปัญหาอย่าพึ่งตั้งคำถามกับตัวเอง อย่าพึ่งตัดสินปิดกั้นความคิด อย่าปิดกั้นทางของตัวเราเอง ค้นหาหนทางความเป็นไปได้ เส้นทางชีวิตไม่ได้สวยงามอย่างที่ตัวเราได้ผ่านมา ให้ประสบการณ์ชีวิตของเราเป็นตัวนำทาง อย่ายอมแพ้ รวบรวมความกล้า ลุกขึ้นลงมือทำ อย่าปล่อยตัวเองนั่งเฉย ๆ แล้วทิ้งความคิดให้เป็นเพียงสิ่งที่เพ้อฝันไกลตัวแบบที่ผ่านมา ดังคำกล่าวของ อาจารย์อุ๊ – อุไรวรรณ ศิวิกุล (คุณครูสอนเคมีชื่อดัง) ที่กล่าวไว้ว่า “บางครั้งเราคิดว่าเราโง่แต่จริงแล้วเราแค่ไม่ได้ทำ” อย่าปิดกั้นชีวิต อย่าคิดว่าตัวเราโง่ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ ลุกขึ้นแล้วลงมือทำ แล้ววันนึ่งสิ่งที่คุณว่ามันเพ้อฝันและไกลตัวมันจะปรากฎอยู่ตรงหน้าคุณเอง
โลกนี้
จำไม่ได้หรอกว่าคุณพูดอะไรไป
แต่จะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ– Jack MA (ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา)
คุณเชื่อในคำพูดของคนโบร่ำโบราณไหม ที่มักจะพูดกันว่า “คำพูดเป็นนายของตัวเราเอง” และ “อย่าให้ลิ้นของเราประจานตัวเราเอง” คุณคิดเห็นอย่างไรกับคำพูดประโยคเหล่านี้ ในส่วนตัวของผู้เขียนเองนั้น ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเลยว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประโยคนี้เลย เมื่อได้ยินอีกประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า “ลิ้นมันไม่มีกระดูกจะพูดอย่างไรก็ย่อมได้” มนุษย์ที่กำเนิดเติบโตขึ้นมาบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่ต้องมีกิเลสตัณหาความต้องการที่แตกต่างกันออกไป มีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด มีความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ซ่อนอยู่ภายในลึก ๆ ลึกเกินกว่าจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคนจะยอมรับตัวเราเอง ฉะนั้นขณะที่มนุษย์เรากำลังถูกความรู้สึกเหล่านี้ครอบงำ เราจะกระทำสิ่งที่ตัวตนของเราต้องการ แสดงออกถึงความรู้สึกความคิดที่แท้จริงของเราออกมาโดยคำพูด มนุษย์เรานั้นบางคนก็ดีแต่พูด บางคนก็พูดเอาแต่ดีเข้าตัวเอง หากเราจะวัดคุณค่าของความเป็นคนจากใครสักคนหนึ่ง ให้วัดคุณค่าเขาจากการกระทำของเขาเถิด อย่าเอาคำพูดมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินคุณค่าของความเป็นคนของเขาเลย การกระทำของเขาจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดว่าคุณค่าของความเป็นคนของเขาอยู่ระดับไหน… ตัวเราเองก็เช่นกันหากเรามีความฝันมีเป้าหมายของเราแล้ว จงรีบทำมันเสียที่เรายังมีเวลา อย่ามัวดีแต่พูดโม้โอ้อวดสิ่งที่เพ้อฝัน ลงมือทำมันด้วยใจอย่างมุ่งมั่น อย่าไปเก็บเอาคำพูดที่มันบั่นทอนจิตใจจากปากของคนที่ยังไม่เคยลงมือทำมันเลย ทำวันนี้ของเราที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด คุณค่าของความเป็นคนอยู่ที่ตัวเราจะสร้างมันขึ้นมาเอง ฉะนั้นจงลงมือทำมันเสียดีกว่าการที่เราจะต้องมาพ่นน้ำลาย เสียเวลา ทำให้ชีวิตติดอยู่ในวังวน จมอยู่กับความพ้อฝัน ไม่กล้าออกไปนอกกรอบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยการหลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ อยู่อย่างนั้น อาจมีเพื่อนร่วมสุขในบางครั้งแต่ก็ไม่จีรังยั่งยืนนานหรอก ลงมือทำมันเสียเก็บน้ำลายไว้พ่นเมื่อถึงวันที่คุณประสบความสำเร็จเถิด เมื่อถึงตอนนั้นคุณอาจจะไม่ต้องพูดพ่นน้ำลายอีกเลยก็เป็นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “โลกนี้จำไม่ได้หรอกว่าคุณพูดอะไรไป แต่จะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ…” – Jack MA (ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา) เมื่อถึงเวลาของมันวันหนึ่งโลกจะรับรู้ในสิ่งที่ตัวเราเองได้ลงมือทำ แล้วตัวเราเองค่อยกลับมาพูดโม้โอ้อวดเมื่อตอนนั้นก็ยังไม่สาย…