ทำไม! เพชรที่มี 4C เหมือนกันทุกอย่าง แต่ราคาไม่เท่ากัน?

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

หลายคนเรียนรู้เรื่องการดูเพชรและสามารถดูเพชรตามหลัก 4C ได้ถูกต้องทุกอย่าง แต่พอไปร้านเพชรกลับพบว่าเพชรที่มี 4C เหมือนกันแต่ราคากลับไม่เท่ากัน และบางเม็ดมีราคาสูงกว่าเม็ดอื่นกว่า 20% เลยอยากทราบว่าเขามีเกณฑ์อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ในการกำหนดราคาเพชร

4C ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

1. ความบริสุทธิ์ (CLARITY)

สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (GIA) ได้แบ่งเกรดความบริสุทธิ์ของเพชรไว้ดังนี้

  • FL (FLAWLESS) – ปราศจากตำหนิ
  • IF (INTERNALLY FLAWLESS) – ปราศจากตำหนิภายใน มีร่องรอยน้อยมาก ๆ บนผิวเพชร
  • VVS1-VVS2 ( VERY , VERY SMALL INCLUSION) – เพชรซึ่งมีตำหนิภายในน้อยมาก ๆ
  • VS1-VS2 (VERY SMALL INCLUSION) – เพชรซึ่งมีตำหนิภายในน้อยมาก
  • SL1-SL2 (SMALL INCLUSION) – เพชรซึ่งมีตำหนิภายในเล็กน้อย
  • I1-I2-I3 (IMPERFECT) – เพชรซึ่งไม่สมบูรณ์แบบ หมายถึงเพชรที่สามารถมองเห็นตำหนิภายในได้ด้วยตาเปล่า

2. สี (COLOUR)

เพชรที่ปราศจากสีถือเป็นเพชรที่ขาวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง เพชรยิ่งขาวมากราคายิ่งสูง

3.การเจียระไน (CUT)

เพชรที่เจียระไนสมบูรณ์แบบ แต่ละเหลี่ยมจะถูกเจียระไนอย่างแม่นยำ ได้สัดส่วนและขัดเงาให้เห็นความสุกใสประกายวาวเวลาเล่นกับไฟ

เพชรที่สัดส่วนถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพชร 58 เหลี่ยม แสงจะผ่านด้านหน้าของเพชรสะท้อนจากเหลี่ยมหนึ่งไปยังอีกเหลี่ยมหนึ่งและกลับสู่สายตาผู้ถือ ทำให้มีราคาสูงสุด

4. กะรัต (CARAT)

กะรัตหรือน้ำหนักเพชร ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาของเพชร

  • 1 กะรัต จะเท่ากับน้ำหนัก 0.2 กรัม หรือเศษ 1 ส่วน 5 กรัม
  • 1 กะรัต แบ่งเป็น 100 สตางค์ ตัวอย่างเช่น เพชรหนัก 50 สตางค์ก็จะหมายถึงเพชรครึ่งกะรัต

แล้วทำไมเพชรที่มีคุณสมบัติบนใบเซอร์ เหมือนกันทุกประการ เช่น “เพชรกลม 1.0 กะรัต E color IF” ทำไมราคาต่างกันค่อนข้างมาก

ปัจจัยที่ทำให้ราคาเพชรแตกต่างกัน

1. สถาบันที่ออกใบเซอร์

สถาบันที่ได้การยอมรับมากที่สุดและมีส่วนลดในการซื้อน้อยที่สุดคือ GIA รองลงมาคือ HRD และสถาบันอื่นๆ อาทิ IGI, AIGS, AGS

สาเหตุที่ทำให้ราคาแตกต่างกันเพราะหลักเกณฑ์ในห้อง LAB ของแต่ละสถาบันย่อมไม่เหมือนกัน เพชรเม็ดเดียวกัน หากไปให้ LAB หลายๆ สถาบันออกใบเซอร์ เกรดของเพชรในใบเซอร์อาจไม่เหมือนกัน

2. Fluorescence

สารเรืองแสงมีผลต่อความใสและสีของเพชร ราคาของเพชรขึ้นอยู่กับความเข้มของสารเรืองแสงที่ระบุในใบเซอร์ โดยเพชรที่ไม่มีสารเรืองแสง (none) จะมีราคาสูงที่สุด โดยอาจมีราคามากกว่าเพชรที่มี Fluorescence ถึง20%

3. ระดับเกรด Cut, Polish, Symmetry

คุณภาพการเจียระไน ขัดเงา และสมมาตร มีการแบ่งเกรด ดังนี้

  • Excellent
  • Very Good
  • Good
  • Fair
  • Poor

หากเพชรที่ได้รับเกรดทั้งหมดเป็น Excellent (3 Ex) ถือเป็นเพชรที่สวยที่สุดและมีราคาสูงที่สุด

4. ตำแหน่งของตำหนิ

เพชร VVS1 ที่มีตำหนิอยู่บริเวณ “ขอบเพชร” ย่อมสวยและมีราคาสูงกว่าเพชร VVS1 ที่มีตำหนิอยู่บริเวณ “ตรงกลาง”

5. ความสมบูรณ์แบบของ Hearts and Arrows

เพชรที่มี Hearts and Arrows ที่สมบูรณ์แบบจะส่องประกายและเล่นไฟได้สวยงามที่สุดและมีราคาสูงที่สุดด้วย

การเลือกเพชรมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้ความชำนาญสูง หากคุณกำลังจะซื้อเพชรหรือซื้อแหวนแต่งงานเพชร อโบฟไดมอนด์พร้อมให้บริการท่าน ด้วยประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทางจะช่วยให้ท่านได้เพชรเม็ดที่ดีที่สุดในราคายุติธรรมอย่างแน่นอน