(27 ม.ค.64) เวลา 11.00 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ…. เพื่อปลดล็อคพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานกมธ.ฯพิจารณาแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ในสาระของร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว พบการแก้ไขเพียงมาตราเดียว คือมาตรา 2 ว่าด้วยระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายหลังจากประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว 90 วัน จากเดิมกำหนดเวลาที่ 180 วัน โดยมีเหตุผลเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกระเบียบระดับรองก่อนการบังคับใช้ เพื่อให้มีเวลาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
โดยมี ส.ส. อภิปราย ไม่เห็นด้วยกับการปรับแก้ไขระยะเวลาดังกล่าว อาทิ นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายเสนอให้แก้ไขเป็นการบังคับใช้ทันทีหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตนไม่เข้าใจว่าจะกำหนดเวลา 90 วันทำไม หากอ้างว่าเพื่อรอกฎหมายรอง ก็ควรถอนออกไปแล้วเสนอเข้ามาพร้อมกัน และการประวิงเวลาดังกล่าวอย่าอ้างความไม่พร้อมของระบบราชการ
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การปรับระยะเวลาดังกล่าว ทำให้เกิดผลดี ผลเสียที่ต่างกัน ซึ่งภาคธุรกิจที่มีกำลังจะเข้าถึงโอกาสการทำธุรกิจแบบใหม่มากกว่าธุรกิจรายได้น้อย ทั้งนี้ในระยะเวลา 90 วันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำระเบียบรองรับและแก้ปัญหาด้านการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างไร
โดยนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกมธ.ฯ ชี้แจงว่าเดิมกมธ.ฯต้องการให้มีผลบังคับใช้ทันที แต่การบังคับใช้นั้น จำเป็นต้องมี ร่างพ.ร.บ.พืชกระท่อมรองรับ โดยล่าสุด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอเข้าสู่สภาฯ อย่างไรก็ตามเมื่อหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว เห็นว่า ระยะเวลา 90 วันจะเหมาะสมต่อการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนเวลา 180 วันอาจนานเกินไป
ขณะที่นายสมศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การกำหนดระยะเวลา 90 เพื่อให้เวลากับการร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่เป็นกฎหมายรองในการควบคุมการใช้พืชกระท่อม ไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงรวมถึงไม่นำไปใช้ผิดประเภทหรือนำไปผสมกับยาเสพติดชนิดอื่น
หลังสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมได้ลงมติในมาตรา 2 เห็นด้วยกับกมธ.ฯ แก้ไขให้มีผลบังคับใช้ 90. วัน ด้วยคะแนน 326 เสียง ไม่เห็นด้วย 5 เสียง จากนั้นลงมติในวาระสาม โดยเห็นชอบผ่านร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ ด้วยคะแนน 319 เสียง ไม่เห็นด้วย 7 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ต่อจากนี้จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป
แหล่งข่าว https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5827348