“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.”
-Mahatma Gandhi-
“ใช้ชีวิตราวกับว่าคุณจะตายพรุ่งนี้ เรียนรู้ราวกับว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
-มหาตมา คานธี – (ผู้นำและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชาวอินเดียและศาสนาฮินดู)
สำหรับผู้เขียนที่ได้เห็นประโยคนี้ครั้งแรก ทำให้นึกถึงช่วยวัยนึงของชีวิต เป็นช่วง 1-2 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่รู้สึกเคว้งคว้างยังอธิบายไม่ถูก ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ไม่ได้มีปัญหาทางบ้าน แต่กลับรู้สึกไร้เป้าหมายในชีวิต ไม่เข้าใจว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม จะดิ้นรนไปทำไม ในเมื่อเดี๋ยวอีกไม่นานก็ตายกันหมด แต่ตัวผู้เขียนเองก็กลัวตายเช่นกัน ทำให้ผู้เขียนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก กลืนไม่เข้า คายไม่ออก รู้สึกอึดอัด ทางนึงก็กลัว อีกทางนึงก็ดูไร้จุดหมายเหลือเกิน เหมือนกับว่าใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอยไปวัน ๆ ทั้ง ๆที่ชีวิตตอนนี้ก็มีความสุขดี แต่มันดูเหมือนเป็นความสุขจอมปลอมเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่เข้าใจเลยว่าชีวิตคืออะไร ไม่เข้าใจถึงความหมายของการมีอยู่
เชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ ท่านคงประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับผู้เขียน ประสบปัญหาไม่เข้าใจถึงความหมายของชีวิต กำลังรู้สึกเลื่อนลอยอยู่ในชีวิตตัวเอง
ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมันไม่ใช่เรื่องผิด ทุก ๆ คนต้องมีช่วงที่สับสนกันทั้งนั้น ดังนั้นไม่ต้องกังวล เรามาแก้ปัญหานี้ไปพร้อมกัน
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ชีวิต คืออะไร
ความหมายของชีวิต เป็นคำถามปรัชญาว่าด้วยความสำคัญของชีวิตหรือการดำรงอยู่โดยทั่วไป คำถามนี้สามารถแสดงได้หลายรูปแบบ เช่น “ทำไมเราจึงอยู่ที่นี่” “ชีวิตเกี่ยวกับอะไรกันแน่” และ “อะไรคือจุดประสงค์ของการดำรงอยู่” ความหมายของชีวิตเป็นหัวข้อการคาดคะเนทางปรัชญา วิทยาศาสตร์และเทววิทยามากมายตลอดประวัติศาสตร์ มีการเสนอคำตอบจำนวนมากของคำถามนี้จากภูมิหลังทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์ต่าง ๆ
ความหมายของชีวิตอยู่ในแนวคิดทางปรัชญาและศาสนาเรื่องการดำรงอยู่ ความสัมพันธ์ทางสังคม พิชานและความสุข และคล้ายกับประเด็นอื่นอีกมาก เช่น ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ภววิทยา คุณค่า จุดประสงค์ จริยศาสตร์ ความดีและความชั่ว เจตจำนงเสรี การดำรงอยู่ของพระเป็นเจ้าหนึ่งหรือหลายองค์ แนวคิดพระเป็นเจ้า วิญญาณและชีวิตหลังความตาย
เราจะเห็นได้เลยว่า ความหมายของชีวิตนั้นค่อนข้างลึกซึ้ง และเข้าใจยาก การจะเข้าใจถึงความหมายของชีวิตนั้นยากพอ ๆ กับเข้าใจความหมายของจักรวาล
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็จะทำให้ความหมายของชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป บางคน อาจจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรบางอย่าง เช่น หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ครอบครัว หรือบางคนอาจจะมีความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ สิ่งเหล่านั้นคือเป้าหมายในชีวิต ที่ทำให้มนุษย์ต้องการที่จะดำรงชีวิตอยู่
แต่หากเราไม่รู้ล่ะ ? หากเราไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ไปทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร ทำไมต้องอยู่ เราจะทำยังไงต่อ ? การใช้ชีวิตแบบเลื่อนลอยก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก เพราะมันอาจทำให้เข้าสู่ภาวะซึมเศร้า หรือแย่ที่สุดอาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยก็ได้ ดังนั้น วันนี้ ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะมีเป้าหมายหรือไร้เป้าหมาย วิธีเหล่านี้อาจจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงชีวิตมากขึ้นไม่มากก็น้อย วิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลกับตัวผู้เขียนเอง ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของตนเอง สถานภาพและความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันอาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น จงพินิจพิจารณาตัวเลือกเหล่านี้ให้ถี่ถ้วน แล้วไปกันเลย
1.หาเป้าหมายให้ชีวิต
การหาเป้าหมายให้ชีวิตนั้นไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ยาก มันคือสิ่งที่ทุกคนทำได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เรียนอะไรมา อายุเท่าไหร่ เพศอะไร ทุกคนเท่าเทียม ทุกคนสามารถ และมีสิทธิ์ในการรับรู้และกำหนดเป้าหมายให้ชีวิต ในกรณีของบางคน อาจจะมีเป้าหมายที่ถูกวางไว้ก่อนอยู่แล้ว เช่น ต้องดูแลครอบครัว ต้องดูแลธุรกิจหรือกิจการของครอบครัว หรืออาจจะมีสิ่งที่ต้องสานต่อ แต่สำหรับบางคน ที่ไร้เป้าหมาย ตัวผู้เขียน ขอแนะนำ ให้นั่งนิ่ง ๆ หรือจะนอนก็ได้ แล้วลองหลับตา คิด พิจารณา ถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คิดถึงผู้คนมากมายหลายหมื่นคนที่เคยเห็นหน้า คิดถึงสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต คิดถึงสิ่งที่คุณทำทั้งวันก็ไม่เบื่อ นั่นอาจจะเป็นเป้าหมายในชีวิตของคุณก็ได้ มันอาจจะใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด
2.ใช้ชีวิตต่อไป โดยไม่ต้องตามหาเป้าหมายใด ๆ
อ่านแค่หัวข้ออาจจะดูแย่ไปหน่อย แต่ไม่เลย มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบางคนก็ได้ บางคนเหนื่อยเกินพอที่จะตามหาสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงรึเปล่า บางคนพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องผิดเลย คุณแค่ใช้ชีวิตต่อไป ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ใช้ชีวิตให้เหมือนกับคุณจะตายพรุ่งนี้ ดังคำกล่าวที่กล่าวไว้ตอนแรก ใช้ชีวิตเพื่อรอวันพรุ่งนี้ และรอสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต
เพราะชีวิตคนเรามันสั้น มันสั้นเกินไปที่จะเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต สั้นเกินไปที่จะฟังเพลงทุกเพลงบนโลก สั้นเกินไปที่จะดูหนังทุกเรื่อง สั้นเกินไปที่จะรู้จักกับผู้คนนับล้านล้านคน
ดังนั้น จงตอบแทนชีวิตตัวเอง ด้วยความสุข แม้จะความสุขเล็กน้อย ก็เพียงพอแล้ว