“รู้ใช่ไหมที่คุณจมน้ำไม่ใช่เพราะว่าคุณตกไปในน้ำ แต่เพราะคุณไม่ยอมว่ายขึ้นมาเอง”
จากหนังเรื่อง Extraction (2020)
หลาย ๆ ครั้ง ในชีวิตของเรานั้น ต้องพบ กับความผิดหวัง ล้มเหลวเสียใจ ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว หรือบางคนมีชีวิตที่สุขสบายเพียบพร้อมมาก่อน แต่เมื่อเจอวิกฤตเข้าก็ทำอะไรไม่ถูก ซึ่งเหมือนคนกำลังตกน้ำ ได้แต่ร้องโวยวายหาคนช่วยเหลือ ทั้งทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำเป็นซึ่งถ้ามีคนช่วยก็คงจะดีไป แต่ถ้าไม่มีคนช่วยล่ะ คุณจะทำยังไงกับชีวิต ที่เหมือนกำลังจะจมน้ำตาย คุณจะปล่อยให้ตัวเองตาย โดยการจมน้ำลงไปอย่างช้าๆ หรือคุณจะ ว่ายน้ำขึ้นมาเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้
แน่นอนว่า 100% ต้องพยายามตะเกียกตะกายเพื่อเอาชีวิตรอด นอกเสียจากว่าตั้งใจจะจบชีวิตลงแบบนั้น ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงการช่วยเหลือตัวเองให้รอดในยามวิกฤต บางคนนั้นทั้ง ๆ ที่คุณมีหนทางและรู้ว่าจะใช้วิธีไหนให้รอด แต่กลับไม่ยอมทำ หรือไม่ยอมช่วยตัวเอง เพราะมัวแต่รอให้คนอื่นเข้ามาช่วย หรือบางคนได้แต่คิดแล้วไม่ลงมือทำ ก็เหมือนตกน้ำแล้วไม่คิดว่าจะว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ด้วยตัวเองนั่นแหละ ก็คงต้องแช่น้ำอยู่ในบ่อต่อไป และอีกในกรณีหนึ่งนั้น ก็คือคนที่คิดว่าสู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เหนื่อยท้อไม่อยากสู้ ไม่อยากจะอะไรทั้งสิ้น ว่ายไปคงไม่ถึงฝั่งขอตายอยู่ตรงนี้ดีกว่า นั่นคือความคิดที่ผิด บางทีถ้าคุณขึ้นฝั่งได้ คุณอาจจะเจอเรื่องดี ๆ ก็ไม่อาจจะมีใครรู้ได้
ส่วนถ้าเปลียบเป็นการใช้ชีวิต ก็คงเปรียบได้กับคนเที่มัวแต่หัวมืองอเท้า ไม่ยอมทำอะไรทั้งที่ตัวเองมีความสามารถ เปรียบดังคนรอแต่โชคชะตาให้มาตกใส่ โดยที่ไม่ขนขวาย สร้างความสำเร็จให้ตัวเอง ซึ่งเหมือนกับคนที่ตกลงไปในน้ำ รู้ว่าจะจมน้ำแต่กลับไม่ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำเป็นนั่นแหละ
“It ain’t how hard you can hit. It’s how hard you can get hit and keep moving forward”
“ชีวิตมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราต่อยหนักแค่ไหน แต่อยู่ที่เราสามารถรับหมัดได้หนักแค่ไหน และพยายามมุ่งไปข้างหน้าในขณะเดียวกัน”
จากหนังเรื่อง Rocky Balboa (2006)
มีคำกล่าวไว้ว่า “อย่าไปแข่งขันหรือต่อสู้กับใคร แต่ต้องสู้และเอาชนะตัวเอง” นั้นใช้ได้ดีที่สุด เพราะถ้าเราจะเอาชนะตัวเองได้ทุกสิ่งที่ตามมาย่อมเกิดผลดี เพราะเชื่อว่าทุกคนเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรค ที่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งเป็นธรรมดาของการเกิดมาเป็นมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว
และตัวเราเองนั้นก็จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าเราต่อสู้กับปัญหาได้ดีแค่ไหน แก้ไขอุปสรรคต่างๆยังไง ซึ่งบางครั้งมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าคุณเอาชนะปัญหาได้กี่ครั้งหรือ คุณจัดการกับปัญหาได้ดีแค่ไหน แต่มันอยู่ที่ว่าคุณอดทนในการ รับมือปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาตลอดเวลาที่คุณมีชีวิต ได้หรือเปล่า
การรับมือกับปัญหาต่างๆและอุปสรรคที่หนักหนาสาหัสในชีวิต ที่เข้ามาอย่างไม่หยุดย่อนนั่นแหละคือการพิสูจน์ตัวเองเป็นอย่างดีว่า เราสมควรเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง และอย่าลืมว่าเราต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคมากเท่าใดมันจะทำให้เรายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดีขึ้น และมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะผ่านพ้นไปได้ เพราะประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้เรารู้จักวิธีรับมือ และทำให้เราไม่ทำผิดพลาดซ้ำซากอีกด้วย
แต่อย่าลืมไปว่า ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไปถึงแม้จะพบกับอุปสรรคขวากหนามอย่างไรก็ตาม เพราะนอกจากเราต้อง ต่อสู้กับปัญหา แล้วรับมือกับปัญหาที่ถาโถม เข้ามาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ชีวิต เราก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า อย่าทำให้อุปสรรคขวากหนาม ที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นตัวฉุดรั้งเราให้หยุดอยู่กับที่ หรือเดินถอยหลัง เพราะไม่งั้นแล้ว เท่ากับว่าคุณไม่ได้พัฒนาตัวเองขึ้นเลย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะถึงกับถอยหลังเข้าคลอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่เราจะต้องเดินต่อไปข้างหน้า พร้อมกับแก้อุปสรรคและปัญหาไปด้วย ถึงแม้จะต้องเดินต่อไปช้าๆ แต่ก็ยังดีกว่าเดินถอยหลัง
“The greatest teacher, failure is”
“ความล้มเหลว คือ ครูที่ดีที่สุด
จากหนังเรื่อง Star Wars: The Last Jedi (2017)
ความล้มเหลว จะว่าไปแล้วมันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตของมนุษย์ ที่ต้องพานพบทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ก็ต้องเคยผ่านจุดนั้นมา ไม่ล้มเหลวเรื่องเรียน ก็ล้มเหลวเรื่องความรัก หรือไม่ก็ชีวิตครอบครัวธุรกิจ หน้าที่การงานเป็นต้น ยังไงต้องมีพบเจอ นอกเสียจากว่าคนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลยเท่านั้นที่จะใม่ผิดพลาด และล้มเหลวในชีวิต หรือคนที่อยู่ไปวันๆไม่มีความฝันไม่มีความทะเยอทะยานเช้าชามเย็นชาม ชีวิตคงซังกะตายน่าดู ถ้าเป็นแบบนั้น
และเชื่อว่าทุกคนต้องกลัวความล้มเหลวกันทั้งนั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเราได้เริ่มลงมือทำ ก็ต้องเริ่มมีความหวังว่ามันจะสำเร็จ ถ้าไม่เป็นไปดังหวังก็เริ่มรู้สึกเสียใจในความล้มเหลวเป็นธรรมดา แต่อย่าลืมว่าอย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำแล้ว แล้วจงลุกขึ้นเริ่มทำใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ทุกๆครั้งทำให้เต็มที่ทุ่มเทให้มากกว่าเดิม เชื่อว่าในไม่ช้าก็คงจะสำเร็จแน่นอนเพราะว่าเรามีบทเรียน ของความผิดพลาดมาแล้ว และเราได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์ ของความผิดหวังเพื่อมาปรับปรุงแก้ไข ในการลงมือทำครั้งต่อไป ซึ่งเป็นถือว่าเป็นครูที่ดีที่สุด ในการสั่งสอน ประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมของความผิดพลาด จะสอนให้เรารู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ ถ้าเราเก็บความผิดพลาดล้มเหลวบันทึกไว้เป็นบทเรียนเชื่อว่าคงไม่มีใครคนไหน ที่จะทำอะไรไม่สำเร็จ ขอเพียงอย่าท้อและลุกขึ้นสู้ ในทุกครั้งที่ล้มแค่นั้นเอง